xs
xsm
sm
md
lg

นี่แหละไม้เด็ด! สหรัฐฯ เชื่อมั่นแบนทองคำรัสเซีย กำจัดรายได้มอสโก $1.9 หมื่นล้านต่อปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น ระบุว่ามาตรการแบนการส่งออกทองคำจากรัสเซีย จะช่วยตัดทอนรายได้ของมอสโกมากถึงราวๆ 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เดินหน้ามาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซีย ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังคงล้มเหลวในความพยายามทุบทำลายเศรษฐกิจของมอสโก

อย่างไรก็ตาม บลิงเคน คาดหมายว่าความพยายามต่างๆ จะเห็นผลในปีหน้า

มหาอำนาจโลกในวันอาทิตย์ (26 มิ.ย.) เห็นพ้องแบนการส่งออกทองคำจากรัสเซีย ระหว่างเปิดฉากการประชมจี 7 ซึ่งมีเป้าหมายใช้มาตรการใหม่ๆ เพื่อกำจัดแหล่งทุนในการทำสงครามของมอสโก และยกระดับศักยภาพการป้องกันตนเองของยูเครน

บลิงเคน ให้สัมภาณ์กับ เจค แทปเปอร์ พิธีกรของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ว่า "ทองคำคือสินค้าส่งออกที่มีกำไรงดงามมากที่สุดอันดับ 2 ของรัสเซีย รองจากพลังงาน มันคิดเป็นราวๆ 19,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี และส่วนใหญ่มาจากในบรรดาประเทศในจี 7 การตัดมันออก ไม่ให้รัสเซียเข้าถึงรายได้ราวๆ 19,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี จึงสำคัญมาก"

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ระบุว่าถ้อยแถลงของบลิงเคน นั้นไม่ถูกต้องนัก เพราะในความเป็นจริง การส่งออกสำคัญที่สุดอันดับ 2 ของรัสเซียคืออาหาร โดยยอดขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรไปยังต่างประเทศ คิดเป็นมูลค่ากว่า 37,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2021

ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ประเทศอื่นๆ ที่เหลือในจี 7 จะลงนามในมาตรการแบนทองคำนี้หรือไม่ โดยทาง ชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป ระบุในวันอาทิตย์ (26 มิ.ย.) อียูจำเป็นต้องตัดสินใจเสียก่อนว่า "มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเล็งเป้าเล่นงานทองคำในแนวทางที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจรัสเซีย ไม่ใช่ในแนวทางที่จะส่งผลกระทบต่อตัวเอง"

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ บอกว่ามาตรการแบนทองคำรัสเซีย "จะทำให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ต้องชดใช้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน" ส่วนทาง บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร อ้างว่ามันจะเป็นการ "โจมตีไปที่กล่องดวงใจกลไกสงครามของปูติน"

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้นำทั้งสองพูด ก็คล้ายกับเมื่อครั้งที่ประเทศของพวกเขาและพันธมิตรอียู กำหนดมาตรการคว่ำบาตรเล่นงานรัสเซียรอบแล้วรอบเล่า แต่ก็ไร้ผล ไบเดนเคยสัญญาในเดือนมีนาคม ว่า จะทำให้เศรษฐกิจรัสเซียเป็นรูพรุน ทว่าในความเป็นจริงคือ มอสโกกลับมีรายได้จากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสกุลเงินรูเบิลแข็งค่าสุดในรอบกว่า 7 ปี เมื่อเทียบกับดอลลาร์และยูโร

ขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อทั้งในอียูและสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ด้วยบรรดาผู้บริโภคจากทั้งสองฟากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกต้องจ่ายเงินค่าเชื้อเพลิงสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และแม้เห็นพ้องมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซียเมื่อเดือนที่แล้ว แต่กลับมีรายงานว่าอียูนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียเพิ่มมากขึ้น แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน

อาร์ทีนิวส์รายงานว่า รัสเซียจะยังคงมีทางเลือกในการขายทองคำของตนเองให้แก่โรงสกัดทองคำทั้งหลาย หรือมองหาบรรดาผู้ซื้อรายใหม่ในจีน อินเดีย หรือตะวันออกกลาง แบบเดียวกับที่ทำกับเชื้อเพลิงฟอสซิล

แทปเปอร์ ถาม บลิงเคน ว่า "สหรัฐฯ บอกว่ามาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย จะทำลายล้างเศรษฐกิจของรัสเซีย แต่ดูเหมือนมันกำลังไม่เกิดขึ้น แล้วเมื่อไหร่ที่มาตรการคว่ำบาตรเหล่านี้จะเริ่มส่งผลกระทบตามที่ตะวันตกและประธานาธิบดีไบเดน ให้คำสัญญา"

บลิงเคน ตอบกลับว่า "ทุกอย่างที่เราทำตั้งแต่เริ่มคว่ำบาตรหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนและควบคุมการส่งออก มันกำลังส่งผลกระทบรุนแรงกับรัสเซีย" พร้อมอ้างว่า "เวลานี้รัสเซียไม่สามารถซื้อสิ่งของที่จำเป็นสำหรับปรับปรุงภาคกลาโหมให้มีความทันสมัย ปรับปรุงภาคเทคโนโลยีให้มีการทันสมัย เช่นเดียวกับการสำรวจทางพลังงาน"

"เช่นกัน เรากำลังเห็นในสิ่งที่คาดหมายว่าเศรษฐกิจรัสเซียจะหดตัวราว 8-15% ในปีหน้า" เขาเน้นย้ำ อ้างตัวเลขเดียวกันที่ ไบเดน เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้

(ที่มา : ซีเอ็นเอ็น/อาร์ทีนิวส์)
กำลังโหลดความคิดเห็น