ชาวยูเครนราว 300 คน รวมตัวประท้วงปิดกั้นสถานกงสุลของของประเทศ ประจำกรุงวอร์ซอ เมืองหลวงของโปแลนด์ เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ เรียกร้องขอต่ออายุพาสปอร์ตที่พวกเขาถูกปฏิเสธภายใต้กฎระเบียบใหม่ด้านการระดมพลของเคียฟ
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศยูเครนได้ออกกฎไม่อนุญาตพลเมืองชายอายุระหว่าง 18-60 ปี ต่ออายุเอกสารทางราชการ รวมถึงหนังสือเดินทางตามสถานกงสุลต่างๆ ที่อยู่นอกยูเครนอีกต่อไป ความเคลื่อนไหวที่มีเจตนาบีบให้พลเมืองชายฉกรรจ์วัยเกณฑ์ทหารที่หลบหนีการสู้รบ ให้เดินทางกลับประเทศและเข้ารับการเกณฑ์ทหารเข้าสู่กองทัพ
ในช่วงเย็นวันพุธ (24 เม.ย.) ชาวยูเครนหลายร้อยคนทำการปิดการเข้าออกศูนย์บริการเอกสารพาสปอร์ต ในกรุงวอร์ซอ ซึ่งตั้งอยู่ภายใต้ห้างสรรพสินค้าบลู ซิตี
เหตุความปั่นป่วนวุ่นวายเกิดขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน วลาดีสลอว์ โคซิเนียก-คามิสซ์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมโปแลนด์ ประกาศว่าวอร์ซอเต็มใจช่วยเคียฟในการพาตัวชายฉกรรจ์วัยสู้รบกลับประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในจำนวนชาวยูเครนราว 950,000 คนที่ได้รับอนุญาตให้หลบภัยสงครามชั่วคราวในโปแลนด์
"ผมคิดว่าชาวโปแลนด์จำนวนไม่น้อยรู้สึกไม่โอเคที่เห็นหนุ่มๆ ชาวยูเครนนั่งสบายใจอยู่ตามคาเฟ่ และพวกเขาได้รับรู้ว่า เรามีความพยายามมากแค่ไหนที่จะช่วยเหลือยูเครน" โคซิเนียก-คามิสซ์กล่าว
ตามข้อมูลของสหภาพยุโรป (อียู) พบว่าปัจจุบันชาวยูเครนพำนักอยู่ในประเทศต่างๆ ของอียูราว 4.3 ล้านคน จนถึงเดือนมกราคม 2024 ในนั้นราว 860,000 คน เป็นชายฉกรรจ์ที่อยู่ในวัยเกณฑ์ทหาร ขณะที่รัฐบาลเคียฟเองก็ยอมรับว่าพวกเขาถือเป็น "แหล่งกำลังพลสำรอง" ขนาดใหญ่ที่ยังไม่ได้ถูกเรียกมาใช้งานในกองทัพ
รัฐสภายูเครนเมื่อวันพุธ (24 เม.ย.) ลงมติเพิ่มกำลังพลอีก 15,000 นายเข้าสู่กองกำลังพิทักษ์ชายแดนของรัฐ อ้างถึงจำนวนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของพวกหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารที่พยายามหลบหนีออกนอกประเทศ และหลังจากขยายขอบเขตในครั้งนี้ จะส่งผลให้กองทัพจะมีกำลังพล 75,000 นาย ในนั้น 67,000 นายเป็นกองกำลังพิทักษ์ชายแดนติดอาวุธ
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)