xs
xsm
sm
md
lg

ไม่อยู่เฉยแน่! จีนขู่ตอบโต้หลัง US ติดตั้งขีปนาวุธพิสัยปานกลางในฟิลิปปินส์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ปักกิ่งประณามความเคลื่อนไหวของวอชิงตัน ในการประจำการขีปนาวุธพิสัยปานกลางในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และจะใช้ทุกมาตรการที่เห็นผลขัดขวางอเมริกาจากการ "ปั่นป่วน" ทะเลจีนใต้ จากคำประกาศกร้าวของ อู่ เชี่ยน โฆษกกระทรวงกลาโหมของจีนเมื่อวันพฤหัสบดี (25 เม.ย.)

ความเห็นของเขามีขึ้นหลังจากสหรัฐฯ เปิดฉากการซ้อมรบร่วมกับฟิลิปปินส์ ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามเย็นในทะเลจีนใต้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ การซ้อมรบที่ใช้ชื่อว่า Balikatan จะมีไปจนถึงวันที่ 10 พฤษภาคม และเกี่ยวข้องกับทหารอเมริกา 11,000 นายและกำลังพลของฟิลิปปินส์ 5,000 นาย รวมไปถึงเรือฟริเกตลำหนึ่งของฝรั่งเศส เช่นเดียวกับทหารจากฝรั่งเศส และออสเตรเลีย

ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน สหรัฐฯ ยังจัดการซ้อมรบอีกอย่างกับฟิลิปปินส์ ที่ใช้ชื่อว่า Salaknib 2024 เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยระหว่างนั้นได้มีการใช้งานขีปนาวุธ SM-6 ที่มีศัยกภาพพุ่งไปถึงไต้หวัน อาวุธนี้มีพิสัยทำการสูงสุด 400 กิโลเมตร ขณะที่ระบบขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นพิสัยกลางใหม่ MRC Typhon มีศักยภาพยิงออกจากเกาะลูซอน ของฟิลิปปินส์

เมื่อถามเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว อู่ เน้นย้ำว่าปักกิ่งคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการประจำการอาวุธลักษณะนี้ของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และเน้นว่าความเคลื่อนไหวลักษณะดังกล่าวของวอชิงตัน ถือเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศต่างๆ ในภูมิภาค บ่อนทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค และจีนจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างหนักแน่น"

"เราหวังว่าประเทศที่เกี่ยวข้องจะอดทนอดกลั้นจากการเปิดประตูให้แก่ปีศาจ ซึ่งรังแต่จะจบลงด้วยการที่ทุกๆ คนถูกทำร้าย ในนั้นรวมถึงตัวพวกเขาเอง" โฆษกรายนี้ระบุ

อู่ เน้นย้ำว่า จีนมองการกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ เป็นเรื่องของทั้ง 2 ประเทศ อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำว่าความสัมพันธ์ลักษณะดังกล่าวต้องไม่ทำร้ายจีน หรือผลประโยชน์ของประเทศอื่นๆ และต้องไม่บั่นทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค

"กองทัพจีนจะยังคงจับตาอย่างใกล้ชิดต่อสถานการณ์ในภูมิภาค และจะใช้มาตรการที่ทรงประสิทธิภาพทั้งหมดตอบโต้อย่างมีประสิทธิผล และจะไม่ยอมปล่อยให้ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก่อความปั่นป่วนทะเลจีนใต้"

อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ บอกก่อนหน้านี้ว่า การประจำการขีปนาวุธิพิสัยกลางของเพนตากอนในฟิลิปปินส์ ถือว่าเข้าข่ายเป็นวันที่มืดมิดสำหรับความมั่นคงระหว่างประเทศ และกล่าวหาวอชิงตันจงใจปลุกปั่นสถานการณ์ลุกลามบานปลายในการเผชิญหน้าทางทหาร โหมกระพือความตึงเครียด และก่อตั้งพันธมิตรกลุ่มการเมือง-การทหารในภูมิภาค

"สหรัฐฯ กำลังพยายามนำพาโลกคืนสู่ช่วงเวลาเลวร้ายของสงครามเย็น และโซซัดโซเซอยู่บนขอบเหวของความขัดแย้งทางนิวเคลียร์" อันโตนอฟกล่าว

(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)
กำลังโหลดความคิดเห็น